นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี ได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2559 มีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการออเสียงประชามติตามมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ครั้งที่ 10/2559 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2559 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ให้กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ออกเสียงประชามติ ในวันที่ 7 สิงหาคม 2559นี้ เพื่อให้การออกเสียงประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สุจริต และเทียงธรรม ขอให้ส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ถือปฏิบัติดังนี้ 1.ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง รวมทั้งขอความร่วมมือกลุ่มอาสาสมัครหรือกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ในสังกัดทุกประเภท และทุกระดับ ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุนในการดำเนินการออกเสียงประชามติ รวมทั้งการจัดบุคลากรทำหน้าที่เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติประชามติเพื่อให้เกิดความถูกต้องโปร่งใส และดำเนินการอื่นใดที่จำเป็น เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยตรงหรือคณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอโดยให้ถือเป็นงานในหน้าที่ของข้าราชการ หนักงาน เจ้าเหน้าที่ และลูกจ้างนั้นๆด้วย 2. ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง รวมทั้งของความร่วมมือกลุ่มอาสาสมัครหรือกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ในสังกัดทุกประเภท และทุกระดับ วางตัวเป็นกลางในการออกเสียงประชามติอย่างเคร่งครัดไม่ปฏิบัติการใดๆ ในลักษณะเป็นการชี้นำให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไปลงคะแนนออกเสียงเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ 3.ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง รวมทั้งขอความร่วมมือกลุ่มอาสาสมัครหรือกลุ่มเครือข่ายต่างๆ ในสักกัดทุกประเภท และทุกระดับ ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติให้เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไป และให้คำแนะนำ ซักชวนบุคคลผู้มีสิทธิในครอบครัว ติ และมิตรสหาย ไปใช้สิทธิออกเสียงโดยพร้อมเพียงกันรวมทั้งให้ทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงในสังกัดในการไปใช้สิทธิออกเสียงด้วย 4. ให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการออเสียงประชามติ 5. ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานกำหนดแนวทางหรือมาตรการการดำเนินงานที่มีความชัดเจนและมีผลในการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานกับภาคเอกชนต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้แรงงาน และลูกจ้างสามารถไปใช้สิทธิออกเสียงประชาชมติได้ โดยไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด อีกทั้งเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อภาคเอกชน 6. ให้หน่วยงานด้านสื่อต่างๆ พิจารณาความเหมาะสมในการจัดให้มีการฝึกอบรม หรือประชุมสัมมนาโดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับการปฏิบัติงานในการออกเสียงประชามติอย่างต่อเนื่อง และทั่งถึงเพ่อเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงหมากที่สุด 7. ให้หน่วยงานต่างๆ พิจารณาความเหมาะสมในการจัดให้มีการฝึกอบรม หรือประชุมสัมมนาโดยให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับการปฏิบัติงานในการออกเสียงประชามติ รวมทั้งการไปใช้สิทธิออกเสียงของบุคลากรในสังกัดเป็นสำคัญ 8.ให้สำนักทะเบียนอำเภอ และสำนักทะเบียนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดทำและตรวจสอบทะเบียนราษฎรดำเนินการสำรวจและตรวจสอบพร้อมทั้งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในการปรับปรุงข้อมูลทะเบียนราษฎรในส่วนของผู้มีสิทธิออเสียงประชามติในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และเป็นปัจจุบัน